บทความ

20.การใช้ยากับลูกในครรภ์

       ถ้าคุณแม่มีความจำเป็นใด ๆ ที่จะต้องใช้ยาในระหว่างการตั้งครรภ์  ไม่ควรซื้อยามารับประทานเองโดยเด็ดขาด คุณแม่ควรรับประทานยาตามที่แพทย์สั่งเท่านั้น  และต้องบอกคุณหมอด้วยทุกครั้งว่า กำลังตั้งครรภ์อยู่และบอกอายุครรภ์ด้วยทุกครั้ง แต่หากคุณแม่มีความจำเป็นจะต้องใช้ยาเป็นการเร่งด่วน ควรอ่านเอกสารกำกับยาให้ชัดเจนก่อนใช้ทุกครั้งว่าไม่มีข้อห้ามใช้สำหรับหญิงตั้งครรภ์ เนื่องจากยาที่ผลิตออกมาขายตามท้องตลาดทั่วไป ยังไม่มีใครยืนยันได้ว่ายาชนิดนั้นจะปลอดภัยกับคุณแม่และลูกในครรภ์ เพราะยาสามัญประจำบ้านหลายชนิดก็อาจทำให้เกิดอันตรายต่อลูกน้อยในครรภ์ได้ คุณแม่จึงควรใช้ยาเท่าที่จำเป็นจริง ๆ เท่านั้น และควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนใช้ยาทุกครั้ง ส่วนยาที่คุณแม่สามารถใช้ได้อย่างปลอดภัยและไม่มีผลกระทบต่อทารกในครรภ์จะมีเพียงไม่กี่ชนิดเท่านั้น คือ ยาพาราเซตามอล (แก้ปวดและลดไข้) ที่คุณแม่สามารถใช้ได้อย่างปลอดภัย ส่วนยาแอสไพรินนั้นห้ามรับประทานโดยเด็ดขาด, ยาคลอเฟนิรามีน (แก้แพ้ แก้คัน ลดน้ำมูก แต่ไม่ควรใช้ติดต่อกันนาน ๆ), ยาเพนิซิลลินและแอมพิซิลลิน (เป็นยาปฏิชีวนะ) และผงเกลือแร่

19.ห้ามผิดนัดฝากครรภ์

รูปภาพ
                                             คุณแม่บางคนอาจสงสัยว่า เหตุใดคุณหมอต้องนัดตรวจครรภ์หลายครั้ง ในเมื่อสุขภาพของคุณแม่ก็ยังคงปกติดี คุณแม่บางคนไปตรวจเพียงครั้งเดียว พอเห็นว่าตัวเองไม่เป็นอะไรก็เลยไม่ไปอีก หรือบางคนก็ไม่ไปฝากครรภ์เลย มาโรงพยาบาลอีกตอนเจ็บท้องใกล้จะคลอด เพราะมีความเชื่อผิด ๆ ที่คิดว่าถ้าไม่มีอาการผิดปกติก็ไม่ต้องมาฝากครรภ์ก็ได้ แต่เชื่อไหมครับว่าความผิดปกติหลาย ๆ อย่างมักเกิดขึ้นได้เสมอหลังจากตั้งครรภ์ไปแล้วหลายเดือน และบางอย่างคุณแม่ก็ไม่สามารถรับรู้เองได้ หรือบางทีไปให้หมอตรวจเพียง 1-2 ครั้ง หมอก็อาจจะยังวินิจฉัยไม่ได้เช่นกันว่าคุณแม่และลูกน้อยในครรภ์ปลอดภัยดีหรือไม่ ดังนั้นการตรวจครรภ์แต่ละครั้งจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่ง เพราะถ้าคุณหมอตรวจพบสิ่งผิดปกติก็จะได้รักษาหรือหาทางแก้ไขได้ทันท่วงที อย่าไปคิดว่าพบหมอแล้วไม่เห็นจะมีอะไรเกิดขึ้นเลย เพราะการตรวจของคุณหมอจะเป็นการป้องกันปัญหาไว้ก่อนที่จะเกิด แต่สำหรับในกรณีที่ไม่สามารถไปตรวจตามที่นัดได้ ซึ่งอาจเป็นเพราะติดธุระสำคัญหรือมีเหตุจำเป็นอื่น ๆ ถ้าทำธุระเสร็จแล้วก็ให้รีบไปหาหมอทันที อย่ารอให้เลยวันนัดไปเป็นเด

18.ไม่ควรดื่มนมเกินวันละ 2 แก้ว

รูปภาพ
                                      คุณแม่หลาย ๆ คนพยายามดื่มนมเพื่อบำรุงครรภ์มากเกินความจำเป็น แม้ตามหลักโภชนาการแล้วคุณแม่ควรจะดื่มนมบำรุงครรภ์เมื่อเข้าสู่ไตรมาสที่ 2 ของการตั้งครรภ์ เพราะเป็นช่วงที่ทารกจะดึงแคลเซียมจากคุณแม่ไปใช้มากขึ้น ทำให้คุณแม่สูญเสียแคลเซียมในร่างกายมากกว่าปกติ แต่การดื่มนมวัววันละ 1 แก้ว หรือนมถั่วเหลืองวันละ 2 แก้วก็เพียงพออย่างมากแล้ว เพราะจากงานวิจัยนั้นพบว่า คุณแม่ตั้งครรภ์ที่ดื่มนมมากเกินความจำเป็น จะทำให้ทารกมีความเสี่ยงต่อการแพ้ได้ง่าย เช่น การแพ้โปรตีนในนมวัว

17.ปัญหาผิวที่พบในช่วงตั้งครรภ์

รูปภาพ
                                                         เมื่อเกิดการปฏิสนธิ ฮอร์โมนในร่างกายของคุณแม่จะเปลี่ยนแปลง ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของผิวพรรณของคุณแม่ที่พบได้บ่อย คือ ผิวคล้ำ โดยเฉพาะบริเวณรักแร้ ซอกคอ รอบหัวนม ขาหนีบ และมีเส้นสีดำกลางท้อง ซึ่งเป็นผลมาจากฮอร์โมน คุณแม่อย่าพยายามไปขัดถูนะครับ เพราะขัดถูไปเท่าไรก็คงไม่ออก ต้องรอหลังคลอดเสร็จเท่านั้น ตรงไหนที่เคยมีสีคล้ำ ๆ ก็จะค่อย ๆ จางลงไปเอง, ปัญหาฝ้า นอกจากจะเกิดจากฮอร์โมนแล้ว แสงแดดก็ยังเป็นตัวกระตุ้นทำให้เกิดฝ้าได้เช่นกัน คุณแม่จึงควรหลีกเลี่ยงการถูกแสงแดด ถ้าต้องเดินกลางแดดควรทาครีมกันแดดและกางร่มอยู่เสมอ, ปัญหาสิว เรื่องนี้ก็คงต้องรอหลังคลอดอย่างเดียวครับ อย่างบางคนก่อนตั้งครรภ์ไม่เคยมีสิวเลย พอตั้งครรภ์กลับมีสิวผุดขึ้นมา หรือบางคนที่แต่เดิมเคยเป็นสิวอยู่ก่อน แต่พอตั้งครรภ์แล้วกลับเป็นสิวน้อยลงก็มี ซึ่งเป็นผลมาจากฮอร์โมนเดิมที่ไม่สมดุลกลับมาสมดุลมากขึ้นเมื่อตั้งครรภ์นั่นเอง

16.ความงามกับหญิงตั้งครรภ์

รูปภาพ
                                                              การเสริมความงามบางอย่าง คุณแม่ก็สามารถทำได้ตามปกติครับ แต่บางอย่างก็ไม่สามารถทำได้ การทาเล็บ  ถ้าไม่จำเป็นก็ไม่ต้องทาครับ เพราะในช่วงตั้งครรภ์คุณแม่จะมีอาการหลายอย่างเกิดขึ้นกับร่างกาย เช่น อาการตัวซีดที่เป็นอีกหนึ่งอย่างที่คุณหมอจะต้องตรวจดู ซึ่งนอกจากจะตรวจดูจากหน้า ริมฝีปาก ลิ้น มือ เท้า หรืออวัยวะอื่น ๆ ที่สามารถมองเห็นได้แล้ว ก็ต้องตรวจดูจากสีของเล็บด้วยว่าซีดหรือมีเลือดฝาดหรือไม่ การทำสีผม  ในปัจจุบันยังไม่มีการทดลองในระยะยาวเพื่อยืนยันว่าการทำสีผมในระหว่างการตั้งครรภ์จะมีความปลอดภัยหรือไม่ แต่มีคุณแม่จำนวนหนึ่งที่ทำสีผมในขณะตั้งครรภ์ก็ไม่พบว่ามีความผิดปกติแต่อย่างใด และจากการทดลองกับสัตว์ นักวิจัยได้ใช้สารเคมีจากผลิตภัณฑ์ย้อมสีผมในปริมาณมากกว่าที่แนะนำให้ใช้ในคนมากถึง 100 เท่า ก็ยังไม่พบความผิดปกติอะไรของพัฒนาการของตัวอ่อนในสัตว์ทดลอง แต่หากคุณแม่ต้องการจะทำสีผม ควรทำหลังจากผ่านช่วง 3 เดือนแรกไปแล้ว เพราะหนังศีรษะสามารถซึมซับสารเคมีเข้าสู่ร่างกายและขับออกจากร่างกายในรูปของปัสสาวะได้ แต่เนื่องจากร่างกายสามารถซึมซับ

15.ห้ามลดน้ำหนักและอดอาหาร

รูปภาพ
                       หากคุณแม่ไม่มีข้อจำกัดทางการแพทย์ว่าต้องจำกัดอาหาร ก็ควรจะรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ให้ครบทั้ง 5 หมู่ และเพียงพอกับความต้องการในแต่ละวันของร่างกาย เพราะจากงานวิจัยพบว่า คุณแม่ที่อดอาหารในขณะตั้งครรภ์ ทารกจะมีอัตราคลอดก่อนกำหนดสูงและสมองพิการ เนื่องจากในอาหาร 5 หมู่มีสารอาหารสำคัญที่ช่วยบำรุงสมองของทารก เช่น โฟเลตที่ได้จากผักและผลไม้ รวมถึงวิตามินต่าง ๆ ที่ช่วยในการสร้างอวัยวะสำคัญ ส่วนคุณแม่ที่กลัวความอ้วน หลังการคลอดแนะนำให้เลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียวก็ช่วยลดน้ำหนักได้บ้างแล้ว

14.ห้ามสวนล้างช่องคลอดเพื่อทำความสะอาด

รูปภาพ
                                        แต่ควรจะทำความสะอาดเฉพาะอวัยวะเพศภายนอกเท่านั้น เพราะในช่องคลอดนั้นมีแบคทีเรียซึ่งคอยป้องกันมิให้เชื้ออื่นเข้าไปในช่องคลอด โดยมีฤทธิ์เป็นกรดอ่อน ๆ ถ้าคุณแม่สวนล้างช่องคลอดอยู่บ่อย ๆ โดยการใช้น้ำยาต่าง ๆ ที่ขายกันอยู่ทั่วไป นอกจากจะไม่เกิดประโยชน์แล้ว บางครั้งยังอาจเป็นอันตรายอีกด้วย เพราะผนังช่องคลอดนั้นจะมีเนื้อเยื่อที่ละเอียดอ่อนนุ่ม การใช้น้ำยาต่าง ๆ จึงทำให้เกิดแผลได้ง่าย อีกทั้งน้ำยายังไปทำลายแบคทีเรียที่มีประโยชน์ ทำให้น้ำในช่องคลอดเปลี่ยนฤทธิ์เป็นด่าง เชื้อโรคอื่น ๆ ที่เข้าก็จะเจริญเติบโตหรือติดต่อเข้าไปได้โดยง่าย