16.ความงามกับหญิงตั้งครรภ์

                                                  à¸œà¸¥à¸à¸²à¸£à¸„้นหารูปภาพสำหรับ ความงามกับหญิงตั้งครรภ์
          การเสริมความงามบางอย่าง คุณแม่ก็สามารถทำได้ตามปกติครับ แต่บางอย่างก็ไม่สามารถทำได้
  • การทาเล็บ ถ้าไม่จำเป็นก็ไม่ต้องทาครับ เพราะในช่วงตั้งครรภ์คุณแม่จะมีอาการหลายอย่างเกิดขึ้นกับร่างกาย เช่น อาการตัวซีดที่เป็นอีกหนึ่งอย่างที่คุณหมอจะต้องตรวจดู ซึ่งนอกจากจะตรวจดูจากหน้า ริมฝีปาก ลิ้น มือ เท้า หรืออวัยวะอื่น ๆ ที่สามารถมองเห็นได้แล้ว ก็ต้องตรวจดูจากสีของเล็บด้วยว่าซีดหรือมีเลือดฝาดหรือไม่
  • การทำสีผม ในปัจจุบันยังไม่มีการทดลองในระยะยาวเพื่อยืนยันว่าการทำสีผมในระหว่างการตั้งครรภ์จะมีความปลอดภัยหรือไม่ แต่มีคุณแม่จำนวนหนึ่งที่ทำสีผมในขณะตั้งครรภ์ก็ไม่พบว่ามีความผิดปกติแต่อย่างใด และจากการทดลองกับสัตว์ นักวิจัยได้ใช้สารเคมีจากผลิตภัณฑ์ย้อมสีผมในปริมาณมากกว่าที่แนะนำให้ใช้ในคนมากถึง 100 เท่า ก็ยังไม่พบความผิดปกติอะไรของพัฒนาการของตัวอ่อนในสัตว์ทดลอง แต่หากคุณแม่ต้องการจะทำสีผม ควรทำหลังจากผ่านช่วง 3 เดือนแรกไปแล้ว เพราะหนังศีรษะสามารถซึมซับสารเคมีเข้าสู่ร่างกายและขับออกจากร่างกายในรูปของปัสสาวะได้ แต่เนื่องจากร่างกายสามารถซึมซับสารเคมีเหล่านี้ได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น จึงไม่มีอันตรายต่อลูกน้อยในครรภ์แต่อย่างใด แต่ทางที่ดีที่สุดควรจะหลีกเลี่ยงไว้ก่อนจะดีกว่าครับ
  • การสวมแหวน ถ้าคุณแม่ยังใส่แหวนในขณะตั้งครรภ์อยู่ ขอแนะนำให้ถอดเก็บเอาไว้ก่อนครับ เพราะคุณแม่เกือบทุกคนมักมีอาการบวมเกิดขึ้น เมื่อบวมมาก ๆ แหวนที่ใส่อยู่ก็จะถอดออกไม่ได้ ทำให้เลือดหมุนเวียนได้ไม่สะดวกครับ
  • การสัก ในขณะที่กำลังตั้งครรภ์คุณแม่ควรงดเว้นเอาไว้ก่อนจะดีกว่าครับ เพราะอาจเกิดการติดเชื้อในระหว่างการสักได้
  • เลเซอร์รักษาผิวพรรณ แม้ว่าการใช้เลเซอร์รักษาผิวจะไม่มีอันตรายต่อคุณแม่และทารกในครรภ์ เนื่องจากเป็นเพียงวิธีการรักษาภายนอกเท่านั้น และความรุนแรงของแสงเลเซอร์ก็มีไม่มากพอที่จะทำอันตรายได้ แต่ถ้าคุณแม่ทำเลเซอร์ในช่วงนี้ ผลลัพธ์ที่ได้ก็อาจจะไม่เป็นเหมือนที่คาดหวังไว้ เนื่องจากคุณแม่ตั้งครรภ์บางคนจะมีผิวคล้ำขึ้นในช่วงตั้งครรภ์เป็นปกติอยู่แล้ว และจะหายไปเองหลังการคลอด ผมจึงแนะนำว่าให้ทำหลังการคลอดแล้วจะดีกว่าครับ
  • เลเซอร์กำจัดขนถาวร การแวกซ์ขนดูจะมีความปลอดภัยสำหรับหญิงตั้งครรภ์มากกว่าการกำจัดขนด้วยการใช้เลเซอร์ที่อาจมีความเสี่ยง เนื่องจากสารเคมีจากเลเซอร์อาจทะลุผ่านผิวหนังทำให้เกิดอาการแพ้และระคายเคืองได้ แม้ว่าผลกระทบที่เป็นอันตรายอื่น ๆ ยังไม่ถูกค้นพบ แต่เลเซอร์ที่ใช้สำหรับการกำจัดขนก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งต้องห้ามสำหรับหญิงตั้งครรภ์ รวมไปถึงคุณแม่ที่กำลังให้นมบุตรด้วย
  • การฉีดโบท็อกซ์ (Botox) ในปัจจุบันยังไม่มีหลักฐานที่ระบุว่าการฉีดโบท็อกซ์จะก่อให้เกิดอันตรายกับคุณแม่และลูกในครรภ์ แต่อย่างไรก็ตาม สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (FDA) ก็แนะนำว่าผู้หญิงตั้งครรภ์หรือผู้หญิงที่กำลังวางแผนจะมีบุตรควรปรึกษาแพทย์ก่อนได้รับการฉีดโบท็อกซ์
  • ผลิตภัณฑ์รักษาสิวที่มีส่วนผสมของกรดซาลิไซลิก (Salicylic acid) คุณแม่ไม่ควรใช้ เพราะสารในกลุ่มของ BHA (Beta Hydroxy Acids) คือ กรดซาลิไซลิกที่ถูกออกแบบมาให้สามารถซึมเข้าสู่ผิวหนังและมีคุณสมบัติทำให้ผิวลอกได้ คุณแม่ควรตอบสอบฉลากผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวอย่างโทนเนอร์หรือคลีนเซอร์ที่ใช้อยู่ด้วยว่ามีส่วนของกรดซาลิไซลิกหรือ BHA หรือไม่ ถ้ามีควรหลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ดังกล่าว ส่วนยากินรักษาสิวทุกชนิดก็ห้ามเช่นกันครับ
  • ศัลยกรรมเพิ่มขนาดทรวงอก จากการศึกษาพบว่าผู้หญิงที่ผ่านการเพิ่มขนาดหน้าอกอาจประสบปัญหามีน้ำนมไม่เพียงพอมากกว่าปกติถึง 3 เท่า ดังนั้นการทำศัลยกรรมในระหว่างการตั้งครรภ์จึงไม่เหมาะอย่างยิ่งสำหรับว่าที่คุณแม่มือใหม่ เนื่องจากการใช้ยาชาหรือยาสลบอาจมีผลกระทบหรือทำให้เกิดภาวะเสี่ยงต่อลูกน้อยในครรภ์ได้
  • การนวดในช่วง 3 เดือนแรกของการตั้งครรภ์ คุณแม่สามารถนวดเพื่อเป็นการผ่อนคลายร่างกายได้ แต่ควรจะรอให้พ้นระยะเวลา 3 เดือนแรกของการตั้งครรภ์ไปก่อน หลังจากผ่าน 3 เดือนไปแล้วก็ยังต้องระมัดระวังในเรื่องของวิธีการนวดและตำแหน่งที่ผู้นวดจะนวดด้วย จึงทำให้ร้านสปาส่วนใหญ่ไม่ได้รับอนุญาตให้มีการนวดก่อนคลอด เนื่องจากไม่สามารถรับผิดชอบต่อผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นได้ ดังนั้นคุณแม่ควรเลือกร้านสปาที่ผู้ประกอบการมีใบอนุญาตนวดก่อนคลอดเพื่อหลีกเลี่ยงการแท้งบุตร

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

19.ห้ามผิดนัดฝากครรภ์

11.การออกกำลังกายกับคุณแม่ตั้งครรภ์

10.การอาบน้ำของคุณแม่ตั้งครรภ์